“โรนัลโด้” ข้อดีเมื่อทีม แมนยู ไม่มี CR7

นับเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้วที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไม่ได้เข้ามารายงานตัวที่แคมป์ฝึกซ้อมที่ แครลิงตัน และยังไม่มีการออมาให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด เหล่าแฟนผีแดงทั้งหลายก็ได้แต่รับฟังข่าวจากทางต่างประเทศ ที่มีข่าวเรื่องของการย้ายไปสโมสรอื่น เช่น เชลซี   ปารีสแซงต์แชร์กแมง หรือ บาเยิรน์ มิวนิค  ซึ่งก็ได้แต่คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา  แต่ใช่ว่าข่าวที่รายงานมานั้นจะไม่มีมูลความจริงเสียทีเดียว ข่าวที่สโมสรอื่นให้ความสนใจในตัวนักเตะนั้นอาจจะเป็นข่าวลือ แต่ตัวนักเตะเองที่ต้องการย้ายออกนั้นมีข้อมูลที่จะเป็นความจริงมากกว่า เพราะนักเตะไม่มีใจให้กับสโมสร ฟุตบอล ยูไนเต็ดอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายอย่าง สำหรับแฟนผีทั้งหลายก็คงต้องเตรียมใจกันไว้บ้าง เพราะฤดูกาลนี้อาจจะไม่มี

พี่โด้ ให้เห็น แต่เมื่อไม่มี คริสเตียโน ก็ใช่ว่า สโมสรจะต้องล้มเหลว ไม่สามารถชนะใครได้ หากเรามองให้ดีก็จะมีข้อดีเช่นกัน   เกมรุกของแมนยูจะหลากหลายขึ้น จะไม่พึ่งพานักเตะเพียงคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป ผู้จัดการทีม จึงมีความจำเป็นต้องปรับแผนการเล่นใหม่ ทำให้มีวิธีการทำประตู ที่ต่างออกไป จึงทำให้เกมรุกของแมนยูนั้นดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม

โรนัลโด้

เมื่อไม่มี “โรนัลโด้” สไตล์ ฟุตบอล ของแมนยูก็เปลี่ยนไป

สไตล์การเล่นฟุตบอลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคสมัยที่มีโรนัลโด้ อยู่ จะเป็นการเข้าทำโดยอาศัยกองกลางเป็นตัวจ่ายบอลให้กับกองหน้าตัวเป้าข่าวสารฟุตบอล โดยวิธีการเดียว แล้วอาศัยความสามารถเฉพาะตัว ของ นักเตะ เป็นตัวจบสกอร์ ซึ่งในยุคของ

โซชา จะใช้การเล่นแบบ ไดเร็ก ฟุตบอล คือปรับเปลี่ยนจากรับเป็นรุกให้เร็วที่สุด โดยเป้าหมายมีอย่างเดียวก็คือ ต้องส่งบอลไปให้ถึง กองหน้าตัวเป้า ต่อมาในยุคของกุนซือ ราล์ฟ รังนิก ใช้แผนการเล่น 4-2-2-2 รูปแบบเกมจะเน้นกองกลางเป็นตัวสร้างสรรค์โอกาส และ ทำลายจังหวะของศัตรู แต่สุดท้ายก็ยังใช้กองหน้าตัวเป้าเป็นหลัก ในการสร้างสกอร์ให้กับทีม จะกล่าวว่าโรนัลโด้ คือตัวแบกของทีมก็คงไม่ผิด เพราะแผนการเล่นที่ได้วางไว้ มีการเข้าทำแบบเดียว

โรนัลโด้

แต่ถ้าไร้ซึ่งโรนัลโด้ แล้ว แผนการเล่น ฟุตบอล ของแมนยูจะต่างออกไปเว็บพรีวิวฟุตบอล เมื่อไม่มีกองหน้าตัวเป้า การเข้าทำก็จะหลากหลายขึ้น อาจจะมีการขึ้นเกมทางด้านข้าง เพื่อให้ปีกเข้าทำประตูมากขึ้น หรือ ใช้ผู้เล่นหน้าต่ำ หรือ กองกลาง ฉวยโอกาสหาพื้นที่ว่าง เข้าทำประตูในกรอบเขตโทษ ก็เป็นไปได้  และนั่นก็ถือว่าเป็นข้อดี ซึ่งจะทำให้เกมรุกของแมนยู กลับมาน่ากลัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง