ในนาทีนี้ เชื่อว่าคงไม่มีกองกลางตัวตัดเกมคนใดในพรีเมียร์ลีค ที่จะมีฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงไปกว่า ‘วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้’ นักเตะผู้ปิดทองหลังพระ พา ‘เดอะ ฟ็อกซ์’ เลสเตอร์ ซิตี้ บินสูง รั้งตำแหร่งรองจ่าฝูงของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกในขณะนี้
จะบอกว่าเป็นทองหลังพระซะทีเดียวก็คงมิปาน เนื่องจากหากเรามาลองกางสถิติการเล่นนั้นของยอดมิดฟิลด์ตัวรับรายนี้ จัดว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และสถิติการลงเล่น 99 เกม ยิงไป 6 ประตู แอสซิสต์อีก 5 ลูก ก็ไม่ใช่จุดขายของเขาเพราะว่า เอ็นดิดี้ มีสถิติที่เด่นชัดในด้านการตัดบอล การเข้าปะทะที่เป็นเลิศ
มิดฟิลด์ตัวรับชาวไนจีเรียนรายนี้ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ปีแรกที่ย่างกรายเข้ามาในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้แห่งนี้ โดยในฤดูกาล 2017/18 เอ็นดิดี้ ทำสถิติเข้าปะทะแย่งบอลได้มากที่สุด 138 ครั้ง และเมื่อฤดูกาล 2018/19 ที่ผ่านมา วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ มีจังหวะปะทะแย่งบอลจากคู่แข่งถึง 143 ครั้ง เหนือกว่านักเตะคนใดในพรีเมียร์ลีกถึง 2 ปี ติดต่อกัน นอกจากนี้ เอ็นดิดี้ ยังมีสถิติการตัดบอลสำเร็จได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของลีค ที่ 83 ครั้ง เป็นรองเพียงแค่เอเตียน กาปู จากวัตฟอร์ต และ อารอน วานบิสซาก้า ที่ขณะนั้นอยู่คริสตัล พาเลซ
ยังไม่พอแค่นั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะมีความสูงเพียงแค่ 183 เซนติเมตร ที่ต้องบอกว่าธรรมดามากสำหรับนักเตะบนเวทียุโรป แต่เอ็นดิดี้มีสถิติการเอาชนะจังหวะการดวลในลูกกลางอากาศถึง 131 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีกและมากที่สุดเหนือเพื่อนร่วมทีมคนใดในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย
และเนื่องจากสถิติการเข้าตัดบอลอันยอดเยี่ยมนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตัวเขานั้น จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับยอดมิดฟิลด์ตัวรับ อดีตคีย์แมนคนสำคัญที่พาเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ไปเมื่อฤดูกาล 2015/16 อย่าง ‘เอ็นโกโล่ กองเต้’และเจ้าตัวก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องดังกล่าว “ไม่นะครับ ตัวผมไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังเจริญรอยตาม เอ็นโกโล่ กองเต้ เลย ตอนที่ผมย้ายเข้ามาที่สโมสรแห่งนี้นั้น ผมไม่ได้มองหาวิธีให้ตัวเองเล่นได้แบบเขา” เอ็นดิดี้กล่าว “ผมมาที่นี่เพื่อเล่นเกมของตัวเอง ผมไม่ได้คิดว่าสไตล์ของผมนั้นเหมือนกันกับเขา (กองเต้) หรอกนะ” “เขาเป็นผู้เล่นที่สุดยอด เขาพิสูจน์ตัวเองไปแล้วว่ายอดเยี่ยมแค่ไหนในลีกนี้” และล่าสุด เพื่อนร่วมทีมที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงไม่แพ้กัน ก็ออกมาแสดงความชื่นชมในตัวเอ็นดิดี้ “การมีนักเตะอย่าง วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ นั้น เหมือนเรามีนักเตะถึง 2 คน ในตัวคนเดียว ผมคิดว่าเขาไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร” เจมส์ แมดดิสัน ทิ้งท้าย
