อาชาฟ ฮาคิมี่ ของดีจากสเปนส่งตรงจากกรุงมาดริดซึ่ง “ราชันย์ชุดขาว” รีลมาดริดนำตัวมาปลุกปั้นจากอะคาเดมี่มาตั้งแต่อายุเพียง 8 ปีเท่านั้น ปัจจุบันฮาคิมี่อายุ 21 ปี ซึ่งกำลังลงเล่นแบบยืมตัวกับ “เสือเหลือง”ดอร์ทมุนด์และกำลังทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมโดยทำประตูให้กับทีมเสือเหลืองถึง 7 ประตู 9 แอสซิสต์ จาก 61 นัดที่เขาลงเล่นถึงจะดูไม่เยอะแต่นี่คือดาวงรุ่งในตำแหน่งแบ็คขวา จากการยืมตัวไปเล่นเพียงปีกว่าๆฮาคิมี่ยึดตัวจริงและลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับดอร์ทมุนด์มาโดยตลอด ถ้าฟอร์มของเขายังดีแบบนี้มีหวังฤดูกาลหน้าเราอาจจะเห็นเขาเป็นตัวหลักของรีลมาดริดทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนก็เป็นได้ เส้นทางสู่ยอดนักเตะ ประวัติของฮาคิมี่ดาวรุ่งคนนี้ถึงแม้จะผ่านการเล่นให้ทีมชาติโมร็อคโคชุดใหญ่มาแล้ว แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวนั้นเกิดที่กรุงมาดริดประเทศสเปนนั้นแหละ แต่เขามีเชื้อสายโมร็อคโคจากพ่อและแม่ที่เป็นคนโมร็อคโค แม้จะสามารถเลือกเล่นให้กับทีมชาติสเปนได้ด้วยแต่เขาก็เลือกชาติบ้านเกิดของบรรพบุรุษของเขา เขาเริ่มเล่นฟุตบอลจากอะคาเดมี่เล็กๆอย่าง Ofigevi เขาคือเด็กที่เก่งกว่าเด็กคนอื่นในรุ่นเป็นกองหลังที่มีความเร็วและสามารถทำประตูได้ดีอีกด้วย ทำให้อยู่กับ Ofigevi ได้เพียงปีเดียว เขาก็ได้ย้ายไปอะคาเดมี่ของรีลมาดริดตั้งแต่แปดขวบและเพียงอายุ 19 ปีเขาก็ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ก่อนมาดริดจะเห็นว่าการปล่อยเขาไปยืมตัวกับทีมอื่นก่อนจะให้โอกาสลงสนามและประสบการณ์ที่ดีแก่เจ้าตัว ก่อนดอร์ทมุนด์จะดึงตัวฮาคิมี่ไปเล่นแล้วอย่างที่เราเห็นเขาเล่นตำแหน่งแบ็คขวาก็จริงแต่ถนัดทั้งสองเท้าและยังสามารถเล่นปีกขวาและแบ็คซ้ายร่วมด้วย ด้วยวิชั่นในการจ่ายบอล การเอาตัวรอดที่ดี การยิงประตูอันคมกริบทำให้ลูเซียน ฟาฟร์เฮดโค้ชดอร์ทมุนด์เคยจับเขามาเล่นมิดฟิลด์ตัวรุกในหลายๆนัดทำให้ฮาคิมี่มีชื่อขึ้นในสกอร์บอร์ดอยู่บ่อยครั้งจนได้รับฉายาว่า “Attacking defender” หรือกองหลังจอมบุก จากการที่ฮาคิมี่ได้มาโชว์ฝีเท้ากับดอร์ทมุนด์แต่อย่าลืมว่าเขาเองก็มีสัญญาอยู่ที่รีลมาดริดและยิ่งฟอร์มดีแบบนี้แน่นอนดอร์ทมุนด์ต้องอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีมแน่ๆแต่ด้วยวัยเพียง 21 ปีและฟอร์มสุดโหดรีลมาดริดต้นสังกัดที่แท้จริงของเขาคงไม่ปล่อยเขาไปแน่แท้ เครื่องหมายคำถามที่ยังเกิดกับตัวเขาปีหน้าเขาจะย้ายมาดอร์ทมุนด์ถาวรหรือจะกลับไปสู้ตำแหน่งตัวจริงที่รีลมาดริดซึ่งมีซุปเปอร์สตาร์อยู่เต็มทีมเวลาเท่านั้นจะเป็นคนบอกได้ว่าฮาคิมี่จะเป็นนักเตะระดับโลกอย่างที่หลายคนหวังไว้หรือไม่
ใครคือ Bukayo Saka ?? เปิดฤดูกาลใหม่ของอาร์เซนอลที่ผ่านมา 10 นัด ใครๆก็ต้องคิดว่านิโคลาส เปเป้ปีกค่าตัว 72 ล้านปอนด์ของทีมที่เสริมทัพมาใหม่เมื่อช่วงปิดฤดูกาลจะต้องลงเป็นตัวจริงในเกมรุกเป็นแน่แท้ แต่แล้วจนบัดนี้เปเป้ถูกดาวรุ่งที่ชื่อว่าบูกาโย่ ซาก้าเบียดไปเป็นตัวสำรองไม่ใช่เป็นการแย่งตำแหน่งเพียงอย่างเดียวแฟนบอลลงความเห็นตรงกันว่าดาวรุ่งคนนี้ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาแน่ๆ จากที่หลายๆคนได้เห็นฟอร์มแล้วคงอยากรู้จักกันแล้วว่าเจ้าเด็กหนุ่มนี้เป็นใครมาจากไหนกันนะ ? ซาก้าเกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวไนจีเรีย ด้วยความที่หลงใหลฟุตบอลซาก้าเตะฟุตบอลทุกวัน ตัวเขาแทบจะติดกับลูกฟุตบอล แต่ด้วยฐานะของพ่อและแม่ของเขาที่มีฐานะระดับกลางค่อนไปทางล่าง ทำให้ค่อนข้างมีอุปสรรคแต่พวกเขายังเชื่อมั่นในตัวซาก้าที่จะออกค่าใช้จ่ายเพื่อให้เขาจะได้เล่นฟุตบอลต่อไป ซาก้าเติบโตมาในเมืองเล็กๆในลอนดอนประเทศอังกฤษซึ่งเป็นที่ตั้งของสโมสรอาร์เซนอลนั่นเองและเขาเองก็เป็นเด็กปั้นของอาร์เซนอลโดยเขาเข้ามาอยู่กับอะคาเดมีของทีมตั้งแต่เด็กและสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับทีมสำรองจนทำให้อูไน เอเมอรี่ต้องเรียกขึ้นมาร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่และเขาไม่ทำให้อูไนผิดหวัง ซาก้าแจ้งเกิดในเกมยูโรป้าลีกส์ในนัดที่อาร์เซนอลเจอกับแฟรงค์เฟริตและเขาสามารถทำได้ 1 ประตู 2 แอสซิสต์นั่นอาจธรรมดาที่นักฟุตบอลหลายๆคนสามารถทำได้แต่นี่คือการรังสรรค์ฟอร์มอันเพอร์เฟกต์จากเด็กวัย 18 ปี “ยามเขาได้บอลเขานิ่งเกินวัยและอันตรายมาก” เจมี่ คาร์ราเกอร์อดีตตำนานทีมลิเวอร์พูลกล่าวเมื่อถูกถามดาวรุ่งดวงใหม่คนนี้นอกจากนี้ซาก้าทำลายสถิตินักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดของอาร์เซนอลที่ได้ลงเล่นให้ทีมในยูโรป้าลีก และเมื่ออายุ 18 ปีกับ 125 วัน ซาก้าทำลายสถิตินักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้กับอาร์เซนอลในเกมพรีเมียร์ลีก โดยนัดแรกของเขาคือการดวลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยปัจจุบันเจ้ามีระสบการณ์ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปแล้วกว่า 327 นาทีและสามารถทำไปได้ …
Read More “ดาวรุ่งดวงใหม่ของอาร์เซนอล : Bukayo Saka”
สิงห์บลูคัมแบค 4-4,หงส์เชือดนิ่ม 2-1, ต่างดาวจืด 0-0…สรุปผลบอลวันอังคาร สรุปผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ============================== กลุ่ม E ลิเวอร์พูล 2-1 เก็งค์ เจอร์เก้น คล็อป เลือกโรเตชั่นนักเตะ เตรียมพร้อมกรำศึกหนึกสุดสัปดาห์ กับแมนฯซิตี้ และยังคง ความเคี่ยวไว้ได้ เมื่อสามารถเชือดเก็งค์นิ่มๆด้วยสกอร์ 2-1 นำฝูง และมีโอกาสเข้ารอบรำไร ประตู : 1-0 จินี่ ไวจ์นัลดุม น.14, 1-1 เอ็มบวาน่า ซามาต้า น.41, 2-1 อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.53 นาโปลี 1-1 ซับบวร์ก เกมนี้เป็นทางด้านซัลบวร์กออกนำไปก่อนจากลูกจุดโทษของเบราท์ ฮาลันด์ แต่ทางฝั่งนาโปลีก็มาทำประตู ตีเสมอได้จากโลซาโน่ จบเกมแบ่งกันไปคนละแต้ม และนาโปลีก็เสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ลิเวอร์พูลตามระเบียบ …
Read More “มาย้อนดูสรุปผลบอลวันที่ 5-11-2019 กันครับ”
นัดที่ผ่านมาของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลมีโอกาสรับการมาเยือนของ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ทีมยักษ์ใหญ่จากลอนดอนเกมเมื่อคืนนี้ทั้งคู่ใส่กันอย่างเต็มรูปเกมก็เป็นไปอย่างที่คาดว่าลิเวอร์พูลทีมที่ฟอร์มดีกว่าจะบุกเข้าใส่และดาหน้าเข้าทำประตูกันยกใหญ่และก็ถูกปฎิเสธโดยผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนติน่านามว่าเปาโล กาซซานิก้าผู้รักษาประตูของสเปอร์ที่ช่วยทีมโชว์ฟอร์มเซฟอุดตลุดแต่ก็ไม่ช่วยทำให้สเปอร์รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้ โดยลิเวอร์พูลชนะสปอร์ไป 2-1 ทั้งๆที่เสปอร์ได้ประตูนำก่อนและหลังจากนั้นลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าและเป็นทีมที่เปิดเกมบุกโหมเข้าใส่อย่างต่อเนื่องจนได้คืนมาสองประตูรวดและทำสถิติชนะตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นนัดที่ 9 แล้ว โดยความเห็นของตัวผู้เขียนเองหลังจากได้ดูนัดนี้แล้วผู้เขียนประทับใจอยู่อย่างนึงซึ่งจริงๆแล้วประทับใจมาหลายนัดแล้ว นั่นก็คือทีมลิเวอร์พูลตอนนี้เหมือนเริ่มที่จะมีระบบที่จะให้พอจะใช้ในการที่จะเจอทีมที่เน้นเกมรับหรือรถบัสได้ดีขึ้นแล้ว นั่นคือระบบ 4-3-3 โดยลิเวอร์พูลเองจะใช้วิธีขึ้นเกมด้วยแบ็คทั้งสองข้างเป็นหลัก ซึ่งอาวุธหลักของแบ็คทั้งสองข้างของลิเวอร์พูลนั้นเป็นแบ็คประเภทเล่นเกมรุกได้ดีทั้งยังเปิดบอลได้แม่นยำทั้งคู่ และใช้กลางสามตัวโดยมีกลางที่ทำหน้าที่เชื่อมเกมจากรับเป็นรุกคือจอร์แดน เฮนเดอร์สันมิดฟิลด์กัปตันทีม ส่วนเกมรุกจะเป็นจอร์นิจิโอ้ ไวน์นาดุมมิดฟิลด์ทีมชาติเนเธอแลนด์ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ กลางรับที่มีหน้าที่ทำทุกอย่างตั้งแต่การตัดเกม ชะลอเกมของฝั่งตรงข้าม ดึงจังหวะให้กับทีม หรือการเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก หรือแม้แต้การสอดขึ้นมาทำประตูในหลายๆจังหวะอย่างฟาบินโญ่มิดฟิลด์ตัวรับชาวบราซิลนี่เองที่เข้ามาร่วมทีมเมื่อปีที่แล้วและทำให้ตอนนี้กลางรับที่ดูจะมีปัญหาของลิเวอร์พูลมาหลายฤดูกาลน่าจะจบลงไปหลังจากที่เขาได้เข้ามา และเกมรุกที่มีสามประสานสุดอันตรายซึ่งเราไม่ต้องบรรยายสรพคุณในเกมรุกของลิเวอร์พูลกันหรอกเพราะเราต่างรู้ว่ามันสะเด็ดเผ็ดร้อนแค่ไหน หลายคนอาจจะเคยเข้าใจว่าแท็คติกที่จะเจาะทีมที่เล่นเกมรับแบบรถบัสเป็นหลักได้ต้องเล่นแบบใช้การครองบอล ต่อบอลให้มากๆคล้ายกับรูปแบบทีมของเป๊ปเท่านั้น ซึ่งระบบนี้ลิเวอร์คงทำไม่ได้แน่เลยเนื่องจากนักเตะลิเวอร์พูลเองไม่ใช่พวกนักเตะที่มีทักษะและวิชั่นสูง ๆ เท่าไหร่ถ้าเทียบกับนักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แต่เจอร์เก้น คล็อปปก็ยังพยายามที่จะหาระบบอันเหมาะสมกับทีมอย่างลิเวอร์พูลมาให้จนได้ ผมเชื่อว่าเมื่อแฟนบอลหงส์แดงหลายๆคนที่มีโอกาสนั่งดูก็ต้องคิดไปในทิศทางเดียวกันกับผมว่าทีมลิเวอร์พูลนั้นค่อย ๆ เคาะบอลและทำขึง โยนสลับแกนซ้ายขวาเพื่อถ่างหลังคู่แข่งออก พอได้จังหวะก็ครอสบอลเพื่อเข้าทำประตู แล้วจะให้แบ็คซ้ายและขวาของทีมลิเวอร์พูลเข้ามาครอสบอลโดยไม่จำเป็นจะต้องครอสลูกโด่งพวกเขาครอสบอลราวกับว่าซ้อมกันมาเป็นอย่างดี อย่างที่เรารู้กันแบ็คสองข้างของลิเวอร์พูลอย่างเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อานโนลด์กับ แอนดริว โรเบริตสันทนั้นชอบเล่นเกมบุกและสามามารถทำได้ดีในการครอสบอลเป็นอย่างมากด้วย ทำให้ระบบการเข้าทำประตูของลิเวอร์พูลกลายเป็นระบบที่โคตรอันตรายต่อฝั่งตรงข้ามแม้ทีมฝั่งตรงข้ามอยากจะอุดได้ก็อุดไป ลิเวอร์พูลต่อบอล ทำชิ่ง เจาะไม่เข้าไม่เป็นไร เปิดบอลเข้าไปลุ้นเอาก็ได้และนัดที่เจอสเปอร์นี้เองที่ทำให้เราเห็นประสิทธิภาพการเล่นฟุตบอลในแบบเจอร์เก้น …
Read More “ลิเวอร์พูล กับระบบเจาะรถบัสรูปแบบใหม่”
นับตั้งแต่การประกาศวางมือของบรมกุนซือ “เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน” ในปี 2013 แมนฯยูไนเต็ดก็จัดการเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นว่าเล่น โดยก่อนหน้าคนปัจจุบันนี้ ได้ใช้งานกุนซือไปแล้วถึง 3 รายด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีรูปแบบแนวทางในการทำทีมที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจากทายาทอสูรอย่าง “เดวิด มอยส์” ที่มีแนวทางการทำทีมที่ชัดเจน เพราะหลังจากที่ “The Chosen One” ได้รับสัญญาระยะยาว ก็จัดการคว้าอดีตลูกรักอย่าง “มารูยาน เฟลไลนี่” มาร่วมทัพ พร้อมด้วยสไตล์การทำทีมที่เน้นลูกโด่งเป็นสำคัญ สร้างสถิติการครอสบอลมากที่สุดในเกมเดียวในการเจอกับฟูแล่ม โดยครอสไปถึง 82 ครั้ง พร้อมทั้งสร้างสถิติอันน่าประทับใจไว้มากมาย จนโดนแฟนๆและบอร์ดบริหารขับไล่ตั้งแต่ยังคุมทีมได้ไม่ครบขวบปีจากการเซ็นสัญญารวมทั้งหมด 6 ปีด้วยกัน ต่อด้วยกุนซือมากประสบการณ์อย่าง “หลุยส์ ฟานกัล” ซึ่งเป็นปีที่แมนฯยูเริ่มเมกะโปรเจคในการใช้เงินซื้อความสำเร็จ หลังคว้านักเตะชื่อดังมาแล้วมากมาย อาทิ ราดาเมล เฟากัล, ดิมาเรีย, ลุค ชอว์, ชไวน์สไตเกอร์, เดปาย ฯลฯ ด้วยแผนการเล่น 3-5-2 ที่เลื่องลือ …
Read More ““Manchester United” กับแนวทางสโมสรที่แฟนบอลต้องยอมรับ”
นัดที่ 9 จบไปแล้วและนี่คือ “สเน่ห์ของฟุตบอล” จบไปแล้วสำหรับฟุตบอลลีกที่คนดูมากที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีกอังกฤษ วันนี้เราจะมาดูว่าบรรดาทีมใหญ่ฟอร์มเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ และจะมีทีมเล็กทีมไหนที่ฟอร์มดีจนน่าตกใจกันบ้าง 9 นัดที่ผ่านมาน่าจะบอกทิศทางของแต่ละทีมไม่ได้มากก็น้อย ตามเป้าหมายที่หวังไว้ แต่ละทีมมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปและแน่นอนบรรดาทีมใหญ่เป้าหมายของพวกเขา คือแชมป์หรือบางทีมต้องการเพียงโควตาฟุตบอลถ้วยยุโรป เริ่มทีมแรกที่เป็นหัวตารางอยู่ตอนนี้อย่าง “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล พวกเขายังคงทำหน้าที่ได้อย่างแข็งแกร่งถึงแม้นัดล่าสุดจะเสมอและถูกหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 8 นัดก็ตามแต่นัดล่าสุดที่พวกเขาเสมอคือการเสมอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โอลด์ทรัฟฟอร์ดซึ่งเป็นผลงานที่ไม่ได้น่าผิดหวังอะไรโดยในนัดล่าสุดถึงพวกเขาจะขาดศูนย์หน้าตัวเก่งอย่างโมฮัมเหม็ด ซาล่าห์แต่พวกเขายังครองเกมบุกใส่เจ้าบ้านและเกมนี้เองเกิดปัญหากรรมการมากมายที่แฟนบอลของหงส์แดงเองไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นักแต่โดยรวมการที่ได้แต้มกลับแอนฟิลด์ก็เป็นอะไรที่น่าพอใจมากๆแล้ว มาต่อกันที่ทีมเต็งแชมป์อีกทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ 8 นัดแรกพวกเขาจะพลาดท่าพ่ายทีมที่เป็นรองกว่าอย่างวูฟล์แฮมตัน และ นอริช มาแต่นัดต่อมาพวกเขาก็คืนฟอร์มกลับมาเอาชนะ พาเลซ ไปอย่างสบาย การที่พวกเขาเป็นทีมเต็งแชมป์แต่ 9 นัดแรกแพ้ไปถึงสองเกมนั่นทำให้รู้ว่าพรีเมียร์ลีกเป็นอะไรที่หินกว่าที่อื่นเพราะที่นี่ทีมเล็กสามารถชนะทีมใหญ่ได้เสมอ เชลซี ของกุนซือดาวรุ่งของแฟรงค์ แลมพาร์ดพวกเขาก็ยังเกาะกลุ่มหัวตารางได้และที่น่าอุ่นใจของแฟนเชลซีอีกอย่างก็คือ การที่พวกเขามีดาวรุ่งพุ่งแรงขึ้นมาแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมโดยซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาโดนแบนการซื้อขายทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขาจำเป็นต้องดันดาวรุ่งขึ้นมาและดาวรุ่งก็ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ และอีกทีมในลอนดอนอย่าง อาเซนอล พวกเขายังเจอปัญหาเกมรับที่แก้ไม่ตกแต่ต้องยอมรับว่าเกมรุกของไอ้ปืนใหญ่นั้นสะแด่วแห้วไปเลยนั่นทำให้พวกเขายังอยู่ในเส้นทางการลุ้นโควตาไปลุยถ้วยยุโรปอยู่ ผิดหวัง ผิดฟอร์ม และแน่นอนขึ้นชื่อว่าพรีเมียร์ลีกไม่ใช่ลีกที่จะให้บรรดาทีมใหญ่มาถลุงทีมเล็กง่ายๆอยู่แล้วมันจึงต้องมีทีมที่น่าผิดหวังอย่างแรงเลยทีมแรกที่เราพูดถึงไม่ได้เลยนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเองโดยผ่านไปแค่ 9 นัดพวกเขาแพ้ไปแล้วถึง 3 นัด จมอยู่อันดับที่ …
Read More “วิเคราะห์บอลพรีเมียร์ลีกส์นัดที่ 9 ปี 2019”
สรุปผลบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันเสาร์ที่ 2 November ที่ผ่านมากันครับ… ผีแดงคืนฟอร์มเก่า บุกแพ้บอรน์มัธ 1-0 นัดที่ 11 ของฤดูกาลผ่านไป ผีแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคืนฟอร์มเก่าหลังจากชนะมาสองนัดติด นัดล่าสุดพวกเขาแพ้ในเกมที่ไปเยือนบอร์นมัธ 1-0 จากฝีมือนักเตะเก่าอย่างโจชัว คิงส์ที่ทำประตูชัยให้กับเจ้าบ้านในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกส่งผลให้พวกเขาชนะเกมเยือนแค่นัดเดียว จาก 10 นัดหลังสุด และคะแนนหยุดอยู่ที่ 13 คะแนนจากการลงไปเตะแล้ว 11 นัด ถือเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 33 ปี โดยเมื่อฤดูกาล 1986-1987 พวกเขาเก็บได้แค่ 11 แต้มจาก 11 นัด และเกมเยือน 11 นัดหลังสุดพวกเขาเสียประตูทุกนัดไม่เคยเก็บคลีนชีทได้เลย ลิเวอร์พูลตายยาก 7 นาทีสองลูกแซงชนะ 2-1 หงส์แดงของเจอร์เก้น คล็อปป์เกมนี้ต้องออกไปเยือนแอสตัน วิลล่าน้องใหม่พรีเมียร์ลีกโดยวิลล่าได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากลูกฟรีคิกที่เปิดเข้ามาและเป็นเทร์เซเกต์กองหน้าชาวอียิปต์ที่ยิงเข้าไปในนาทีที่ 21 และลิเวอร์พูลก็ครองเกมบุกกว่าจะได้ประตูตัเสมอก็ปาไปนาทีที่87 จากแอนดี้ โรเบริตสัน ถัดมาเพียง7 นาที ลิเวอร์พูลได้ประตูชัยจากมาเน่ จบเกมส์พวกเขาชนะ 2-1 อาร์เซนอลช็อก โดนทีวูลฟ์ตีเสมอ 1-1 …
Read More “สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ!!”